เช้านี้ (3 เม.ย.) มีโอกาสไปนั่งฟังสัมมนาด้านการศึกษาครับ เป็นการเติมความรู้ที่ดีมาก ฟังทั้งความเห็นจากคุณ ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ ประธานอาวุโสเครือซีพี ที่มองว่าภาคการศึกษาควรสำรวจความต้องการของภาคธุรกิจเพื่อผลิตบัณทิตให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน นิสิต นักศึกษาควรจะเรียนและทำงานไปด้วยกัน เพื่อได้สัมผัสประสบการณ์จริง เมื่อเรียนจบจะได้พร้อมทำงานทันที ซึ่งการเรียนออนไลน์จะช่วยต่อยอดโอกาสการเข้าถึงการศึกษาได้มาก . ถึงเวลาที่นักธุรกิจจะมาเป็นอาจารย์บ้าง และอาจารย์ก็ควรไปลองทำธุรกิจดู แต่ละมหาวิทยาลัยควรมีสตาร์ทอัพที่สามารถสร้างรายได้จากความคิดที่สดใหม่ของคนรุ่นใหม่
อีกท่านที่แชร์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ดีมากคือ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนลยีราชมงคลอีสาน ซึ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้เราเข้าสู่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเร็วเกินไปในหลายมิติ เดิมเราก็อยู่ใน VUCA World ที่คาดเดาได้ยากอยู่แล้ว พอเจอกับโควิด-19 ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้อะไรต่อมิอะไรต้องเปลี่ยนรูปโฉมไปโดยสิ้นเชิง . ดร.สุรเกียรติ์เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่มหาวิทยาลัยจะต้องทลายกำแพงด้านความรู้ รวมทั้งไซโลของระบบระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนสิ่งใหม่ของการเรียนรู้ ควรมีการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรต่างหน่วยงาน ต่างคณะ ต่างองค์ความรู้กันมากขึ้น ใช้สิ่งที่มหาวิทยาลัยมีให้เป็นประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและทำให้คนไทยกลายเป็นพลเมืองที่เป็นที่ต้องการในระดับโลก . ศักยภาพของประเทศไทยที่จะเติบโตได้กับโลกอนาคตคือธุรกิจการเกษตร อาหารและสุขภาพ ซึ่งจะต้องใช้เทคโนโลยีเป็นโครงสร้างในการขับดันสู่เศรษฐกิจ 4.0 โจทย์ใหญ่คือการทำให้คนทุกยุคทั้ง คนแบบ 1.0 2.0 3.0 และ 4.0 อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติด้วยกระบวนการศึกษานั่นเอง . ยังมีรายละเอียดอีกมากที่น่าสนใจ เอาไว้จะเล่าให้ฟังอีกนะครับ
.