top of page
  • Writer's pictureMonchai Wongkittikraiwan

โคตรคูล ยังเป็น โคตรคูล



วันนี้มาฟังงาน 'The Entrepreneur Forum 2024' ของ ลงทุนแมน งานจัดได้ดีเลยครับ


หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือคุณ'โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน' CEO ของโคตรคูลครับ เขาแชร์ประสบการณ์จากการเดิมพันเอาเงินจากการร้องเพลงมาเปิดช่อง Youtube ของตัวเอง กะว่าทำรายการไป 10 EP ถ้าไม่รอดก็แยกย้ายกันไป


ปรากฏว่ามีลูกค้าเข้าตั้งแต่ EP. 2 เลย


รายได้ล่าสุดปี 2565 ของโคตรคูลแตะ 112 ล้านบาท กำไร 18.2 ล้านบาท จนเป็นที่ฮือฮาเมื่อ Workpoint เข้าซื้อหุ้นและสร้างประวัติศาสตร์ของคนทำคอนเทนต์ที่สร้างมูลค่าตลาดได้มากกว่า 441 ล้านบาท (Workpoint ถือหุ้น 49% มูลค่า 216 ล้านบาท)


สิ่งที่ผมประทับใจจากเวทีนี้คือ


1. คุณโอ๊ตแชร์ว่าเดิมไม่มีความรู้เรื่องการทำธุรกิจสักเท่าไหร่ แต่หลักสำคัญที่เขาแชร์คือ คุณโอ๊ต'ไม่ทำอะไรเกินตัว'เลย ขยายบริษัท ขยายทีมก็ต่อเมื่อมีงานเพิ่มเข้ามา คนไม่พอ ทำไม่ทันจึงรับคนเพิ่ม ไม่ได้ขยายทีมล่วงหน้าก่อนโดยที่ยอดขายยังมาไม่ถึง


2. คุณโอ๊ตบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ได้ดีมาก เข้าถึงได้ง่าย เข้าหาลูกค้า และไม่ทำตัวเป็น 'เบอร์ใหญ่' อะไรขนาดนั้น ยังคุยด้วยง่าย สินค้าอะไรแปลกๆ หรือนึกไม่ออกว่าจะขายยังไง เขาก็ยังหาทางลงให้มันเนียนและลูกค้าพอใจได้เสมอ


3. โคตรคูลเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ เห็นได้จากการรับพนักงานที่เป็นบัณฑิตจบใหม่ อายุไม่เกิน 26 ปี (บวกลบนิดหน่อย) เพื่อสร้างคนขึ้นมาให้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน อันนี้สำคัญมากๆ เพราะการทำของใหม่โดยคนรุ่นใหม่ มันไปได้ไวกว่าการรีดสิ่งใหม่ๆจากคนหัวเก่าที่ยากจะเปลี่ยนแปลงมาก

"เราควรปล่อยเขาให้เติบโต" คุณโอ๊ตกล่าว


4. คุณโอ๊ตบอกว่าหลังจากที่ Workpoint เข้ามาถือหุ้น เขาก็เริ่มออกงานเป็นที่รู้จักในนามนักธุรกิจมากขึ้น แต่ก็ยังรักษา DNA ของโคตรคูลให้คงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง คิดว่าเป็นการปรับปรุงทีมให้ดีขึ้นมากกว่า ยอมรับว่ามีเป้ารายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจ ซึ่ง Wokpoint เข้ามาช่วยบริหารงานหลังบ้าน (Backend) ทั้งระบบ HR และช่วยวางแผนทางธุรกิจให้แข็งแรงขึ้น


5. เขายอมรับว่าทุกวันนี้โคตรคูลและโอ๊ต-ปราโมทย์แยกจากกันไม่ได้ ดังนั้นตัวเขาเองอยากให้บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Workpoint เข้ามาช่วยทำให้เป็นมืออาชีพและแข็งแรงขึ้น เพื่อว่าวันข้างหน้าถ้าเขาไม่อยู่ตรงนี้แล้ว บริษัทโคตรคูลจะเดินหน้าต่อไปได้ด้วยตัวของมันเอง เหมือนกับที่ Workpoint เติบโตจนไกลกว่าเงาของคุณ'ปัญญา นิรันดร์กุล'นั่นเอง


"อย่างแรกเวลามีเด็กรุ่นใหม่เดินมาหาผม บอกอยากเป็นแบบผม ผมบอกคำแรกเลยว่าหนีไป เพราะผมทำงานหนักมาก (หัวเราะ) คุณหาสิ่งที่คุณชอบและทำสิ่งนั้นก่อน เดี๋ยวนี้คนสนใจเรื่องที่มันเฉพาะ (Niche) มากขึ้นนะ ชอบทำอาหารก็ทำอาหาร ชอบถ่ายรูปก็ถ่ายรูป ทุกวันนี้ Youtuber หลายคนเลิกทำช่อง เพราะมัวแต่ไปทำตามตลาดมากกว่าความชอบของตัวเอง ทั้งที่มันเป็นจุดตั้งต้น"


ไม่ต้องใหญ่ก็ได้ สำคัญคือ สนุกกับสิ่งที่ทำอยู่หรือเปล่า


11 views0 comments
bottom of page