top of page

ฟังมุมมองจากนักธุรกิจผู้เก๋าเกม ‘รัตน์ พานิชพันธ์’ ประธานกรรมการกลุ่มธุรกิจการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

Updated: Dec 11, 2020



BizKlasser ครับ


เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสนั่งคุยกับคุณ ‘รัตน์ พานิชพันธ์’ ประธานกรรมการของกลุ่มธุรกิจการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์มาครับ ได้รับความคิดดีๆกลับมาเยอะและอยากจะแชร์ให้อ่านกัน เพราะนี่คือมุมมองของนักธุรกิจที่เก๋าเกมมากท่านหนึ่งในวงการธุรกิจ สิ่งที่เขาคิดและทำถือเป็น Your Master Class ของจริงเลย


บทสนทนากับคุณรัตน์พาผมย้อนไปถึงวิกฤติการเงินต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งเขายอมรับว่าหนักหนาสาหัสมากและไม่มีใครลืมได้ ผมบอกไปว่าตอนนั้นผมยังอยู่ม.1 เท่านั้น ถึงจะยังไม่รู้ประสีประสาแต่ก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศของบ้านเมืองตอนนั้นอึมครึม ผู้คนเครียดกันมากจริงๆ


“แล้วยุคโควิดแบบนี้ จะยังมีใครซื้อบ้านอีกหรอครับ?”


ผมถาม คุณรัตน์ตอบกลับมาแทบจะทันทีว่ามีแน่นอน กลุ่มคนที่พร้อมจะซื้อที่อยู่อาศัยมีอยู่เสมอ ค่าเฉลี่ยของสมาชิกในแต่ละครัวเรือนลดลงเรื่อยๆ เดิมเราคิดว่าบ้านที่มีกันแค่สี่คนคือ พ่อ แม่ ลูกสองคน นี่ถือเป็นครอบครัวเดี่ยวแล้ว แต่วันข้างหน้าจะน้อยลงอีก บ้านหลังหนึ่งอาจจะมีคนอยู่เพียงสองคนเท่านั้น คือสามีภรรยา คือตายายที่ลูกๆเติบโตโบยบินไปจากรังแล้ว ฟังดูเศร้าหน่อยแต่ก็เป็นความจริง


เพราะคนต้องการเป็นอิสระมากขึ้น

อยากมีพื้นที่เป็นของตนเอง (ของตัวเองจริงๆ)


ต่อให้เป็นบ้านหลังละสี่สิบล้านแบบที่ทำตลาดกันอยู่ตอนนี้ ก็อาจจะมีคนอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น (ไม่นับรวมแม่บ้าน) ผมเองก็ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจากสังคมเดี่ยวจะกลายเป็นสังคมโดดเดี่ยวหรือเปล่านะ


สิ่งที่ผู้บริหารรายนี้กังวลคือ การรุกคืบเข้ามาในพื้นที่บริการทางการเงินของธุรกิจนอนแบงก์ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มข้ามชาติหรือใครก็ตามที เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มี ‘ผู้คุมกฎ’ ที่คอยกำกับดูแลอยู่แล้วอย่างที่ควรจะเป็น แตกต่างจากผู้เล่นรายใหม่ที่ไม่ใช่ธนาคาร สามารถให้บริการลูกค้าในระบบนิเวศน์อันใหญ่โตของตัวเองได้อย่างแทบจะได้ข้อจำกัด ถือเป็นความได้เปรียบและเป็นความเสี่ยงด้านกฏระเบียบ (Regulatory Risk) ของสถาบันการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ


ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับการคัดเลือกคนเข้ามาทำงานในองค์กรของคุณรัตน์ที่ผมคิดว่าดีมาก เขาบอกว่าจะเลือกคนมาเป็นลูกน้องนั้น ต้องมีคุณสมบัติ 3 ข้อคือ 1. ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน (Accountability) เป็นข้อพื้นฐานที่ต้องมีอยู่แล้ว ทำงานอะไร มีหน้าที่อะไร ก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ได้ดีและราบรื่น 2. มีวินัยในตนเอง (Discipline) อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถึงเก่งแค่ไหน ถ้าไม่สม่ำเสมอ ประมาท ไม่รับผิดชอบหรือไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบก็ยากที่จะเติบโต และข้อ 3. ซึ่งคุณรัตน์บอกว่าสำคัญที่สุด นั่นคือ ต้องมี ‘Common Sense’ ฟังดูเหมือนง่ายแต่ยากเหลือเกินกับการเฟ้นหาคนที่เหมาะสม เพราะทุกวันนี้มีคนเรียนเก่งเยอะมากที่มองข้ามความสำคัญของเรื่องพื้นฐานบางเรื่อง องค์กรจะก้าวหน้าได้ ต้องการคนเก่งมากกว่าคนที่เรียนเก่งเพียงอย่างเดียว และ Common Sense คือสิ่งที่จะช่วยให้เรามองโลกได้ตรงตามความเป็นจริง ไม่บิดเบี้ยวจนเกินไปจากอคติของตนเอง


BizKlasser มีครบทั้งสามข้อมั้ยครับ? : )


เอามาแชร์เท่านี้ ประทับใจกับการคุยกับแขกรับเชิญท่านนี้จริงๆ จากนี้เวลาไปเจอกับผู้บริหารท่านไหน จะพยายามเก็บแรงบันดาลใจเอามาฝากทุกคนนะครับ ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันและให้กำลังใจผมเสมอมาครับ



- เล็ก มนต์ชัย -



187 views0 comments
bottom of page