ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านกรมสรรสามิตสู่บริบทถัดไปแล้ว
.
วันนี้ (30 ต.ค.)ผมไปงานแถลงข่าวของกรมสรรพสามิตมาครับ สังเกตเห็นว่ามีพี่ๆ นักข่าวมาร่วมงานเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพี่ๆ บรรณาธิการมือเก๋าจากสื่อหัวต่างๆ ที่อยากมาฟัง 'ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ' อธิบดีกรมสรรสามิตแถลงผลงานในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งความตั้งใจในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าต่อ แม้จะอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านเบอร์ 1 ก็ตามที
ดร.เอกนิติบอกว่าทุกวันนี้ทางกรมก้าวไปไกลกว่าเรื่องเหล้าและบุหรี่ไปมากแล้ว โดยช่วยเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่การพัฒนาที่ให้น้ำหนักกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลที่ดี (ESG) ทั้งการผลักดันเรื่องยานยนต์ไฟฟ้าที่ถือเป็นโจทย์ข้อใหญ่ของเศรษฐกิจประเทศ ภาษีความหวานและอีกสารพัดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค แน่นอนคือการพัฒนานโยบายเพื่อสังคมทั้งการลดการจัดเก็บภาษีเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการและผู้สูงอายุ
ทั้งหมดนี้อยู่บนความสำเร็จเกินเป้าที่สามารถนำส่งรายได้จากการปราบปรามเข้าคลังได้มากกว่าปีก่อนถึง 41.55% รวมทั้งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ชื่อ 'มิตร' ซึ่งมาจาก Smith มาช่วยตอบคำถามให้บริการประชาชน การพัฒนา e-stamp เพื่อป้องกันปัญหาเหล้าปลอมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งทางกรมให้ความสำคัญกับการปรับกระบวนการการทำงานด้วยวิธีคิดแบบคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว
ฟังจากงานแถลงข่าวก็น่าชื่นชมนะครับ สำหรับผู้บริหารหนุ่มที่ทันสมัย กล้าคิด กล้าเปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนรูปโฉมกรมสรรพสามิตได้ขนาดนี้ กลายเป็นองค์กรรัฐที่ทันสมัยและทันโลก อีกความรู้สึกที่ผมและพี่ๆนักข่าวมีร่วมกันคือ เสียดายที่คนเก่งๆอย่างดร.เอกนิติจะขยับไปบริหารองค์กรอื่นแล้ว พร้อมกับแสดงความยินดีกับกรมธนารักษ์ที่จะได้ผู้นำคนใหม่คนนี้มานำทีม เชื่อว่าจะได้เห็นอะไรที่ใหม่และดีขึ้นกว่าเดิมที่กรมธนารักษ์เป็นแน่
โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักดร.เอกนิติตั้งแต่ตอนเป็นอธิบดีกรมสรรพากร ได้สัมภาษณ์ในฐานะแหล่งข่าวอยู่บ่อยครั้ง จนมาถึงวันนี้ก็ยังยินดีที่ประเทศของเรามีคนเก่งๆอยู่ในระบบราชการแบบนี้และทำให้ประชาชนอย่างผมยังเชื่อมั่น และเป็นกำลังใจให้ ไม่เพียงดร.เอกนิติ แต่เป็นพี่น้องข้าราชการทุกคนที่กำลังจะเริ่มต้นบทบาทใหม่ในปีงบประมาณใหม่นี้
.
ขอบคุณนะครับ : )
.
header.all-comments